วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

SLS ปัดฝุ่นตำนานเบนซ์ 300SL


ไม่ทราบว่าคุณเคยดูหนังภาคต่อกันบ้างไหมครับ? เคยรู้สึกไหมครับว่า พอเป็นภาค 2 ภาค 3 น้อยรายที่จะสนุกกว่าภาคแรก มันไม่ค่อยจะประทับเหมือนภาคแรก จะมีเจ๋งๆก็ไม่กี่เรื่อง อาทิ ก้อด ฟาเธอร์ ภาค 2 (ภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องเดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้รางวัล ออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม!) แต่สำหรับทั่วไปแล้วส่วนมากก็แค่ เทคนิคดีขึ้น แสดงดีขึ้น แต่กลับไม่ประทับใจเท่าเรื่องแรกๆ ส่วนใหญ่ก็ดูจะอาศัยสูตรสำเร็จของเรื่องแรกมาเล่าซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีคนดูกันไปข้างนึง

ในโลกรถยนต์ก็เป็นเช่นกันครับ พอมีรุ่นใดประสบความสำเร็จ ก็จะมีการทำรุ่นใหม่ออกมาในแนวเดิมๆ ถ้าสูตรเดิมดีอยู่แล้ว พอใช้กันมาเรื่อยๆ มีรถยนต์หลายๆรุ่น ที่ไม่ยอมจะเปลี่ยนสูตร หรือถ้าเปลี่ยนก็นิดๆหน่อยๆ อาทิ พอร์ช 911 หรือ บางคันก็ออกทะเลไปไกล แต่พอนึกได้ก็หักกลับหันมาหาสูตรดั่งเดิม อย่างเจ้าม้าป่า มัสแตง หรือ คามาโร แต่ที่แน่ๆก็คือ แนวคิดแบบออริจินัล นั้นแม้จะยิ่งใหญ่ และชัดเจน แต่มันไม่ได้อยู่ท้าทายกาลเวลามากนักหรอกครับ เมื่อเวลาเปลี่ยนแนวคิดก็ต้องเปลี่ยน บอกตามตรงว่า นานๆที ครึ้มอกครึ้มใจ กลับไปปัดฝุ่นของเก่าก็ได้อารมณ์ดี

คอนเซ็บต์ เอสแอลเอส (SLS) เป็นรถยนต์สปอร์ตระดับซุปเปอร์คาร์คันใหม่ของค่ายตราดาว โดยออกมาแทนที่รถยนต์รุ่น แมคลาเรน เมอร์เซเดส เอสแอลอาร์ (McLaren Mercedes SLR) ซึ่งตอนที่ปิดตำนาน SLR ไปด้วยรุ่น Stirling Moss นั้นผมคิดว่าจะไม่ได้เห็นอะไรเจ๋งๆอีกนาน แต่ผิดคาด เพราะภาคต่อนั้นเร้าใจกว่าเดินซะอีกครับ โดย SLS นั้นได้นำเอารูปลักษณ์ ของเบนซ์ 300เอสแอล กัลวิงค์ (300SL Gull-wing) จากยุค 50 กลับมาใช้อย่างงดงามอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบประตูแบบปีนกนางนวล หรือรูปทรงแบบหน้ายาว ท้ายสั้นจากการวางเครื่องแบบ วางกลางค่อนไปทางหน้า และโครงสร้างรถยนต์ที่ทำจากอลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ และการวางเครื่องยนต์ 8สูบพลังสูงแต่น้ำหนักเบาและเกียร์อัตโนมัติแบบคลัชท์คู่ให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ นอกจากนี้ยังนำเสนอแนวคิดของห้องโดยสารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นดั่งเดิม ผสานเข้ากับรายละเอียดของงานวิศวกรรมการบิน ทำให้ห้องโดยสารดูเรียบง่ายแต่ขึงขังแบบเครื่องบินรบ ที่พร้อมจะให้ผู้ขับขี่ได้สนุกไปกับการควบคุมรถที่ความเร็วสูง การันตีได้ว่านี่จะเป็นรถสปอร์ตที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เคยรู้จักกันมา

อย่างไรก็ตามแม้ว่าแนวคิด SLS นี้จะสวยหรูน่าปลาบปลื้ม และน่าจะขับขี่ได้ในระดับสุดยอดเพียงใด มันกลับเป็นเพียง งานทำซ้ำ (reproduction) ที่ขาดจิตวิญญานทางการออกแบบที่บริสุทธิ์ทางวิศวกรรม เพราะสิ่งที่ทำให้ 300SL เป็นอมตะนั้นก็คือ แนวคิด ฟอร์ม ฟอลโล่วส์ ฟังค์ชั่น (Form Follows Function) หรือ รูปทรงได้มาจากรูปแบบการใช้งาน กล่าวคือ 300SL นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากความต้องการที่จะสร้างรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงเพื่อการแข่งขันโดยอาศัยโครงท่อสานแบบสเปศเฟรม ที่ผลของการออกแบบทำให้ชายประตูสูงมากเบียดบังพื้นที่ด้านข้างของรถ ทำให้มีการประดิษฐ์ประตูแบบปีกนกขึ้นมาแก้ปัญหาการเข้าไปในห้องโดยสาร ซึ่งผลที่ได้ก็คือ รถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ดีที่สุดคันหนึ่งตลอดกาล (มิได้มาจากคำสั่งของนักการตลาดว่าต้องการประตูแปลกๆแต่อย่างใด) แต่อย่างไรก็ตามด้วยการผลิตที่แสนจะยากเย็น สมรรถนะที่สูงล้ำ(เร็วที่สุดในยุคนั้น) ราคาที่สูงลิ่ว รูปลักษณ์ที่ล้ำสมัย และจำนวนการผลิตที่แสนจะน้อย ได้ทำให้รถอย่าง 300SL เป็นรถที่ต้องแย่งชิง และกลายเป็นตำนานอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงจะไม่ได้มีจิตวิญญานที่บริสุทธิ์เหมือนอย่างรุ่นพี่ และอาจจะไม่ได้เป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่เหมือนที่รุ่นพี่ได้เป็น แต่เชื่อได้ว่า อย่างน้อยๆ SLS ใหม่นี้ จะเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เป็นที่ปรารถนามากที่สุดคันหนึ่งในทศวรรษหน้าเป็นแน่แท้

ไม่มีความคิดเห็น: