วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

อินฟินิตี เอสเซนซ์ นิยามใหม่ของศิลปะแห่งการใช้ชีวิต


หากคิดถึงยนตรกรรมหรูจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เราจะนึกถึงเพียงแค่ เลกซัส จากค่ายโตโยต้า และชื่อ “อินฟินิติ”(Infiniti) ดูไม่คุ้นหูคุ้นตาสำหรับชาวไทยในฐานะรถยนต์หรูเท่าใดนัก แต่สำหรับชาวอเมริกันแล้วพวกเขานั้นคุ้นเคยกับแบรนด์ “อินฟินิติ” ในฐานะยนตรกรรมจากนิสสัน ที่อยู่ในระดับเดียวกับแบรนด์หรูจากเยอรมันมากว่า 20 ปี

อินฟินิติ เอสเซนซ์ (Infiniti Essence) เป็นการฉลองครบรอบ 20 ปี และเป็นตัวแทนของทิศทางการออกแบบของอินฟินิติในอนาคตที่พร้อมจะบุกตลาดยุโรปและตลาดโลกในฐานะ รถยนต์ระดับสูงจากนิสสัน โดยนิยามของแบรนด์นั้นใช้คำภาษาญี่ปุ่นว่า อาเดยากะ (Adeyaka) ซึ่งยากที่จะหาคำนิยามเป็นภาษาไทยได้ แต่อาจจะแปลได้ว่า ท่วงท่าสง่างามที่น่าหลงไหล ซึ่งสะท้อนบุคลิกภาพของชนชั้นสูงที่ได้รับการขัดเกลาบุคลิกภาพและมีรสนิยมในการใช้ชีวิตที่ละเมียดละไม ในระดับที่ยากจะเลียนแบบได้

จากนิยาม “อาเดยากะ” อินฟินิติ เอสเซนซ์ ได้แสดงออกถึงท่วงท่าอันสง่างามของรถสปอร์ตสองที่นั่งที่ได้รับการออกแบบมาด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการแสดงออกถึงพลังขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามดุจดั่งพลังพิโรธจากธรรมชาติ มากกว่าที่จะเป็นความดุดันก้าวร้าวแบบรถซิ่งเหมือนกับรถสปอร์ตจากแดนอาทิตย์อุทัยรุ่นอื่นๆ ด้วยการวางตำแหน่งของแบรนด์ไว้เป็นแบรนด์ระดับสูง กลุ่มเป้าหมายของ เอสเซนซ์ นั้นเลยโฟกัสไปที่ หนุ่มใหญ่รสนิยมดีวัย 42 ปีที่ประสบความสำเร็จทั้งชีวิตการงานและ ชีวิตส่วนตัว ผู้กล้าที่ลองความท้าทายใหม่ๆ และรู้จักที่จะคัดสรรและให้รางวัลกับชีวิตด้วยสิ่งที่ดีที่สุด บุคลิกภาพแบบชนชั้นนำนี้ได้สะท้อนลงมาในเส้นสายสัดส่วนแบบคลาสสิคของรถยนต์แบบจีที (GT) แบบหน้ายาวท้ายสั้นในแนวทางเดียวกับสปอร์ตพันธ์หรูแบบคลาสสิค ทั้งแอสตันมาร์ติน หรือ เฟอร์รารี่ เอฟ599 ฟิโอราโน ที่ลงตัวพอดิบพอดีแบบที่คนรักรถเห็นแล้วต้องรู้สึกได้ทันทีว่า รถคันนี้ “น่าขับ” แต่สิ่งที่แตกต่างจากรถสปอร์ตจากยุโรปก็คือ เส้นสายที่พริ้วไหวนั้น มิได้เกิดจากแนวความคิดเรื่องของมัดกล้ามของสิ่งมีชีวิต แต่เกิดจากการสอดประสานระหว่างมิติอันละเมียดละไมของวัฒนธรรมญี่ปุ่น เข้ากับจิตวิญญานยานยนต์ ผลที่ได้ก่อให้เกิดมิติที่หนักแน่นแต่เฉียบคมอันเกิดจากแรงบันดาลใจของฝีพู่กันญี่ปุ่นที่ตวัดลงบนผืนกระดาษอย่างหนักแน่นดูราวกับสายน้ำอันทรงพลังตัดผ่านหุบเขา ในแบบที่อินฟินิติ เรียกว่า “ไดนามิค อาเดยากะ” นอกจากนั้นในส่วนของรายละเอียดต่างๆบนตัวถังรถก็นับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาโดยอาศัยแรงบันดาลใจจากความละเมียดละไมของศิลปกรรมญี่ปุ่น อาทิ ช่องระบายความร้อนด้านข้างตัวถังที่มีรูปร่างเหมือนกับ ปิ่นปักผมของสาวญี่ปุ่นโบราณที่เรียกกันว่า “คันซาซิ” (Kansashi)

ในส่วนของการออกแบบภายใน เอสเซนซ์ ได้แสดงออกถึงรูปแบบที่เน้นถึงความหลงไหลในการขับขี่ โดยแยกห้องโดยสารระหว่างผู้ขับขี่กับผู้โดยสารออกจากกัน ซึ่งรายละเอียดนั้นไม่เน้นความแพรวพราวแบบของเล่นไฮเทค แต่กลับเน้นไปที่ความใส่ใจในรายละเอียดผ่านทางวัสดุที่คัดสรรเป็นอย่างดีและการประกอบที่งดงามดั่งงานหัตถกรรม รวมไปถึงการร่วมมือกับผู้ผลิตกระเป๋าชั้นนำจากฝรั่งเศสอย่าง “หลุยส์ วุยตอง” (Louis Vuitton) ในการผลิตกระเป๋าเดินทางเข้าชุดกับรถก็ช่วยเน้นความเป็น ยนตรกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อชนชนนำได้อย่างชัดเจนเช่นกัน

การจะเข้าใจถึงสิ่งที่ อินฟินิติ ต้องการจะสื่อสารอาจเป็นเรื่องยากสำหรับบทความสั้นๆ ผู้เขียนขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านได้ลองแวะเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซท์ออนไลน์แม๊กกาซีนของอินฟินิติที่มีชื่อว่า www.adeyaka.com ซึ่งอัดแน่นไปด้วยแรงบันดาลใจ และขับกล่อมนักท่องเว็บด้วยดนตรีแนวเลาจน์ที่ชวนให้ลุ่มหลงซึ่งจะช่วยให้เข้าใจถึงจิตวิญญานของแบรนด์ได้ดีขึ้น แล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้นว่า วิถีแห่ง อะเดยากะ นั้นคืออะไร

ไม่มีความคิดเห็น: