วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

ยางรถยนต์ ใส่ใจกันสักนิดเพื่อชีวิตปลอดภัย


ยางรถยนต์ ใส่ใจกันสักนิดเพื่อชีวิตปลอดภัย

พบกันเช่นเคยกับผม อ้วนซ่า แอบซิ่งนะขอรับ เป็นที่รู้กันดีนะครับว่า ยางรถยนต์มีความสำคัญยิ่งยวดสำหรับการขับขี่รถยนต์ เพราะไม่ว่ารถจะเลอเลิศเช่นไร แต่หากยางรถยนต์ถ่ายทอดกำลังของรถท่านลงสู่พื้นถนนได้ไม่สมบูรณ์แล้วไซร้ รถของท่านก็ไร้ค่า และดีไม่ดีท่านอาจไร้โอกาสมาแก้ไขอีกเลยก็ได้ ดังนั้นในวันนี้ผมขอถ่ายทอดเกร็ดความรู้บางประการเกี่ยวกับการใช้งานยางรถยนต์ มาให้ท่านใช้ในการดูแลรักษายาง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่านนะครับ

1. เมื่อเปลี่ยนยางใหม่ควรเลือกยางที่ผลิตใหม่ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าปีที่ผ่านๆมาจะใช้ไม่ได้ เพราะตามจริงแล้ว อายุของยางจะนับกันอย่างจริงจังก็ต่อเมื่อมันได้เริ่มใช้งานแล้วเท่านั้น หากมันผลิตขึ้นมาในปี 2007 แต่ถูกเก็บอย่างถูกต้องในบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันแสงแดด มันก็มีอายุใหม่สดเหมือนกันครับ

2. เลือกใช้ยางให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน ยางแพงๆไม่ได้แปลว่าเหมาะสมกับการขับขี่ของท่านเสมอไป อาทิ ยางสปอร์ตความเร็วสูงที่ออกแบบมาเพื่อการเข้าโค้งที่รุนแรงอาจจะส่งเสียงหนวกหูบ้าง หากว่าท่านต้องการความนุ่มนวลเงียบภายในห้องโดยสารเป็นหลักก็ขอแนะนำให้ใช้ยางที่ดอกถี่ๆ ซึ่งอาจจะดูไม่หล่อซิ่งแต่ก็ให้ความเงียบและนิ่มนวลไม่กวนใจแม่บ้าน (ขับแค่ 140-150 กิโลต่อชั่วโมงหรือ เข้าโค้งแล้วของในรถยังไม่หกคะเมนตีลังกาก็ยังถือว่าไม่เร็วพอที่จะใช้ยางสปอร์ตแพงๆหรอกครับ)

3. วัดแรงดันลมไม่ให้ต่ำกว่าค่ามาตรฐานตามที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดให้อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยวัดขณะยางยังเย็นอยู่เสมอ และหากต้องเดินทางด้วยความเร็วสูง หรือเดินทางไกลก็อาจจะเพิ่มแรงดันอีก 1-2 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) และท่านควรมีเครื่องมือวัดแรงดันลมที่มีคุณภาพดีเป็นของตัวท่านเอง เพราะเท่าที่มีประสบการณ์มา ไอ้ที่เด็กปั้มใช้มันคลาดเคลื่อนเยอะมากครับ

4. สลับตำแหน่งยางทั้งสี่เส้น เป็นระยะๆ ทุกๆ 5,000 กิโลเมตร เพื่อช่วยให้การสึกหรอของหน้ายางเรียบสม่ำเสมอกัน โดยสามารถศึกษารูปแบบการสลับยางที่ถูกต้องได้จากศูนย์บริการรถยนต์ที่ได้มาตรฐานทุกศูนย์ และหากมีการเปลี่ยนยางใหม่แทนที่ยางที่อาจจะเสียหายจนไม่สามารถปะได้ ขอแนะนำให้ซื้อเป็นคู่และนำยางคู่ใหม่ใช้งานเป็นยางล้อหลังเสมอ เพราะยางหากว่าท้ายเป๋ โอกาสเสียการทรงตัวแบบคุมไม่ได้มีสูงมากครับ (ถ้าเป็นได้เปลี่ยน 4 เส้นเลยจะดีที่สุด แต่หากเศรษฐกิจไม่อำนวยทีละ 2 เส้นก็พอไหวครับ)

5. เปลี่ยนยางทุกๆ 2-3 ปี หรือ 4-5 หมื่นกิโลเมตร เพื่อความปลอดภัย (ยางทั่วๆไปประมาณ 3 หมื่นกิโลเมตรก็จะเริ่มส่งเสียงครางหนวกหู เรียกร้องให้เปลี่ยนแล้วครับ)

6. แผลแบบไหนซ่อมไม่ได้? ในกรณีทั่วๆไป แผลที่เกิดจากการตำทะลุบริเวณหน้ายางนั้นสามารถปะได้ครับ แต่ไม่ควรปะเพิ่มเกิน2 จุด และแต่ละจุดก็ควรห่างกันเกิน 40 ซม.ขึ้นไป และหากเกิดขึ้นบริเวณแก้มยางแล้วไซร้ ขอแนะนำให้เปลี่ยนใหม่สถานเดียวครับ

7. หากท่านเปลี่ยนล้อแม็กให้ใหญ่ขึ้น ควรเลือกยางใหม่ให้มีขนาดที่สัมพันธ์ กับเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อและยางชุดมาตรฐาน เพื่อป้องกันผลเสียด้านความสมรรถนะ การบริโภคเชื้อเพลิง รวมถึงความคลาดเคลื่อนของมาตรวัดความเร็ว ทั้งนี้ปรึกษากับร้านยางที่มีประสบการณ์จะดีที่สุดครับ

8. หากทรัพย์ไม่ใช่ปัญหา ยางรันแฟลต (Run Flat Tires) หรือยางที่แม้ไม่มีลมก็ยังสามารถวิ่งได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่อาจจะมีราคาสูงกว่ายางทั้วๆไปพอสมควร แต่ได้รับการติดตั้งอย่างแพร่หลายในรถยนต์ระดับหรูหลายๆรุ่นปัจจุบันก็เป็นตัวเลือกที่ดี (รถเหล่านั้นไม่มีแม้ยางอะไหล่ติดมาด้วยนะครับ) เพราะด้วยแก้มยางที่แข็งแรงเป็นพิเศษทำให้มันยังวิ่งออกจากที่เกิดเหตุไปได้ไกลถึงกว่า 80 กิโลเมตร เพียงพอที่จะไปหาช่างซ่อมได้ (แม้ว่าจะหายากเต็มที) จากประสบการณ์ของผม แม้ว่าจะมียางวิเศษเช่นนี้ การมียางอะไหล่อีกสักเส้นหนึ่งก็ยังอุ่นใจได้ไม่น้อย แต่อย่างน้อยๆการที่มันไม่ต้องลงมาเปลี่ยนยางในที่เปลี่ยวๆก็นับได้ว่าเป็นจุดแข็งของยางรันแฟลต แต่หากรถของท่านมิได้เป็นรถที่ติดตั้งยางรันแฟลตมาตั้งแต่แรก ท่านคงต้องหมั่นเช็คลมยางเสมอๆเพราะแม้ลมยางจะอ่อนมันก็มองไม่ค่อยจะเห็นครับ และหากท่านเป็นรถที่ติดยางรันแฟลตมาจากโรงงาน แล้วท่านเปลี่ยนล้อใหม่ยางใหม่เป็นแบบไม่มีรันแฟลต ก็พึงระลึกไว้ด้วยว่า รถของท่านไม่มียางอะไหล่ติดรถมานะขอรับ เดี๋ยวยางแตกต้องนั่งกินข้าวลิงข้างทางจะหาว่า อ้วนซ่า ไม่เตือน

ไม่มีความคิดเห็น: