ตอนที่เขียนนั้นดูราวกับว่ารถ Bizzarini นั้น่าจะเสร็จผ่านไปเกือบปียังไม่เสร็จสักที เฮ้อ โรคเลื่อนระบาด
เป็นไปได้ และเป็นไปแล้ว
สวัสดีครับผมอ้วนซ่าแอบซิ่ง มาพบกับท่านในสุดสัปดาห์วันอาทิตย์อีกครั้งนะขอรับ ที่ว่าเป็นไปได้ และเป็นไปแล้ว นั้นไม่ได้หมายถึงเรื่องการเมืองของประเทศสยามเมืองยิ้ม (ไม่ค่อยออก)แต่อย่างใด ผมว่าวันอาทิตย์แบบนี้เรามาเล่าให้กันฟังในเรื่องสนุกๆ ดีกว่า เพราะเรื่องการเมืองนั้นผมว่ามันต้องอีกยาววววววว
ที่ผมว่าเป็นไปได้และเป็นไปแล้วนั้นก็คือ เมืองไทยกำลังจะเป็นสถานที่ให้กำเนิดซุปเปอร์คาร์ขอรับ แม่นแล้วพ่อแม่พี่น้อง เมืองไทยจะไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตรถกระบะ รถเก๋งดาดๆเพียงแค่นั้นอีกแล้วครับ แต่เรากำลังจะกลายเป็นประเทศผู้ออกแบบและผลิตซุปเปอร์คาร์กันแล้ว
หากกล่าวถึง ซุปเปอร์คาร์ ผมเดาว่าซุปเปอร์คาร์ ในฝันของหนุ่มไทยเห็นจะไม่พ้น เฟอร์รารี่ แลมโบกีนี่ แต่เร็ววันนี้จะมีชื่อใหม่ให้เราได้รู้จักกันในนามของ บิซซารินี่ พี538 (Bizzarrini P538) แค่ได้ยินชื่อก็บอกสัญชาติดั่งเดิมแล้วว่ามาจากอิตาลี แดนมักกะโรนี ใช่แล้วครับ! บิซซารินี่ เป็นแบรนด์ซุปเปอร์คาร์ที่มีชื่อเสียงจากอิตาลีในยุค 60’s ที่ปัจจุบันทางมร.เควิน กัลลาแฮน (Mr. Kevin Gallahan) เจ้าของโปรเจคต์ ร่วมกับผู้ก่อตั้งแบรนด์ มร.จิออตโต้ บิซซารินี ( Mr. Giotto Bizzarrini) ได้พยายามรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ โดยได้ไว้วางใจให้ทางทีมงานร่วมระหว่าง มร.สเตฟาน ซูลทซ์ (Mr. Stefan Shultze) กับอาจารย์อภิชาติ ภูมิสุข และกลุ่มลูกศิษย์ไฟแรงจากมหาวิทยาลัยศิลปากรได้รับผิดชอบเรื่องการออกแบบรูปลักษณ์ และได้วิศวกรด้านการสร้างรถแข่งมือฉมังอย่าง มร.อัลแลน เมอร์เทนส์ (Mr. Alan Mertens) ที่ฝากฝีมือในการสร้างรถแข่งอินดี้ในสหรัฐมามากมายมารับผิดชอบเรื่องโครงสร้าง และท้ายที่สุดได้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องวัสดุไฮเทคอย่างบริษัท คอบร้า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้สร้างโครงรถ คาร์บอนไฟเบอร์ (carbon fiber) (บริษัทของคนไทยแท้ๆที่คนไทยอาจไม่รู้จักกัน แต่มีดีกรีเป็นผู้ผลิตวินด์เสิรฟ์ที่มียอดการผลิตสูงที่สุดของโลก และปัจจุบันก็ผลิตชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ป้อนให้กับ เฟอร์รารี่ ,KTMและเอาดี้ อีกด้วย)
ด้วยโครงรถน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งยิ่งด้วยการออกแบบแนวรถแข่งพันธ์แท้ บวกเข้ากับขุมกำลังสัญชาติมะกันอย่างเครื่องวี 8 ของ คอร์เวต ลิงเกนเฟลเตอร์ เทอร์โบคู่ รหัส แอลเอส 7 (Corvette Lingenfelter twin turbo LS7) ที่พร้อมจะปั้มแรงม้าไปได้ถึงขนาด 1000 แรงม้า การันตีได้ถึงความรุนแรงหนักหน่วงที่ไม่นอยหน้ารถคันไหนๆบนโลกนี้ บวกกับรูปร่างที่สวยคลาสสิค(ฝีมือออกแบบของคนไทยด้วย) และเป้าการผลิตแค่ 100 คันเท่านั้น การันตีว่าท่านไม่ได้ซื้อของโหลแน่นอนรวมถึงชื่อเสียงและตำนานของ บิซซารินี ทำให้รถคันนี้น่าจะมีอนาคตที่สง่างามในฐานะรถสะสมคันหนึ่ง ส่วนเรื่องราคานั้นวันนี้ยังไม่ได้เคาะขอรับ เพราะรถจริงยังไม่เสร็จดีเอาไว้รถจริงเสร็จเมื่อไรจะไปขอลองซะหน่อย แต่เศรษฐีท่านใดสนใจก็คว้างสมุดเช็คเตรียมได้เลยนะขอรับ ของแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆนะครับเจ้านาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น