วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

สำนักแต่งคู่ใจเศรษฐีหนุ่ม




หากจะกล่าวถึงรถคู่ใจเศรษฐีไทยเป็นจะเป็นอื่นใดไปมิได้นอกจากเมอร์เซเดส เบนซ์ เจ้าของโลโก้ดาวสามแฉกอันเลื่องชื่อจากแดนไส้กรอก ซึ่งนอกจากความหรูหรา พร้อมไปด้วยเพ็ดดีกรีอันเก่าแก่ ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์มือเก่าเล่ายี่ห้อ เก่าขนาดไหน ก็ไม่เท่าไร ก็แค่เป็นเจ้าแรกที่ประดิษฐ์สิ่งที่เราเรียกกันว่ารถยนต์ก็เท่านั้นเอง แถมฝีไม้ลายมือเรื่องการผลิตแต่ของชั้นหนึ่งที่ทั้งทนทั้งอึดก็ไม่เคยแปรเปลี่ยน จะเห็นได้จากรถตราดาวสามแฉกไม่ว่าเก่าแค่ไหนก็ยังวิ่งกันปร๋อ และราคาขายต่อก็แข็งปั๋ง เรียกว่าเป็นโรเล็กซ์สำหรับรถยนต์ก็ว่าได้ แต่ขึ้นชื่อว่าเศรษฐีแล้วจะแค่ซื้อของดีแบรนด์ดังอย่างเดียวมันยังไม่สะใจ เพราะของดาดๆใครมีเงินเดินเข้าโชว์รูมใกล้ๆบ้านก็ถอยออกมากระทบไหล่กันได้แล้ว สำหรับสาวกดาวสาวแฉกที่เงินนั้นไม่ใช่ปัญหาแล้วผมก็อยากจะขอแนะนำสองสำนักดังจากเยอรมันมาให้รู้จักกัน

คู่บุญของเบนซ์เจ้าแรกนั้น เรียกได้ว่าคู่กันกว่า 40 ปี คือสำนัก เอเอ็มจี (AMG) ชื่อของเอเอ็มจีนั้น มาจากชื่อต้นของผู้ก่อตั้งทั้งสองคนรวมเข้ากับชื่อของตำบลที่โรงงานตั้งอยู่โดยมาจากคำว่า Aufrecht Melcher Großaspach จะอ่านออกเสียงว่ากะไรนั้นเห็นจะไม่สันทัด เอาเป็นว่าเรียกว่า เอเอ็มจี นั้นสะดวกปากกว่าเยอะ

เอเอ็มจีนั้นเริ่มต้นทำรถซิ่งโดยใช้พื้นฐานของรถเมอร์เซเดส เบนซ์มาตั้งแต่ปลายยุค 60 และโด่งดังมาจากรถโมดิฟายรถลิมูซีนหรูรุ่น W109 300 SEL ให้มีความจุถึง 6.8 ลิตร แรงม้าในระดับ 4 ร้อยตัว และความเร็วปลายเฉียดๆ 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คว้าถ้วยรางวัลในสนามแข่งยุโรปมานักต่อนักสร้างตำนานให้กับเอเอ็มจีในฐานะกูรูเรื่องการทำให้เบนซ์วิ่งได้ดั่งพายุ ตั้งแต่ปี 1999 เอเอ็มจีได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ เมอร์เซเดสเบนซ์ และนอกจากแต่งเครื่องยนต์ ช่วงล่างให้แรงแน่นหนึบแล้ว เอเอ็มจียังเป็นผู้นำเรื่องการปรับโฉมรถบ้านๆให้ดูโฉบเฉี่ยวไฉไลด้วย ล้อแม็ก รวมถึงแอโรพาร์ทต่างๆ ที่ใส่แล้วเข้ากับเบนซ์อย่ากิ่งทองใบหยก ทำให้ผู้ที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เอเอ็มจีนั้นมั่นใจได้ว่า ไม่มีเสี่ยวแน่นอน และนอกจากชุดแต่งที่มีแยกขายแล้ว เอเอ็มจียังผลิตรถออกมาขายควบคู่กับเบนซ์รุ่นปกติในทุกขนาดตัวถังอีกด้วย ในปัจจุบันนี้เอเอ็มจีมีเครื่องยนต์ให้เลือกด้วยกัน 3 ขนาดคือ เครื่อง V8 ขนาด 5.4 ลิตร ภายใต้ชื่อ 55, เครื่อง V8 ขนาด 6.2 ลิตรในชื่อ 63 และ เครื่อง V12 เทอร์โบคู่ขนาด 6 ลิตร ในชื่อ 65 และที่สำคัญก็คือเครื่องยนต์เอเอ็มจีนั้นประกอบมือล้วนๆแบบ ช่างหนึ่งคนรับผิดชอบเครื่องหนึ่งเครื่อง ประกอบเครื่องเสร็จก็สลักชื่อไว้ลายช่างกันไปเลยทุกเครื่อง

แต่ถ้าหากเอเอ็มจีนั้นยังไม่สะใจเสี่ยบาทาถ่วงตะกั่ว ที่กระสันความดิบโหด ต้องนี่เลย สำนัก บราบุส (BRABUS) ที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า บราบัส นั่นเอง ตามสไตล์เยอรมัน ชื่อบริษัทก็เป็นการรวมกันของชื่อผู้ก่อตั้งสองคน(อีกแล้ว) คือ นายKlaus Brackmann และนาย Bodo Buschmann การแต่งแนวบราบัสนี้ ในบ้านเราก็ทำกันเฉพาะชุดแอโรพาร์ท กับล้อแม็กเท่านั้น แต่ในต่างประเทศนั้น บราบัส คือตัวแทนของการแต่งเครื่องยนต์แนวโหดทั้งความแรงและราคาตัวจริง เพราะหากคุณเอารถคุณส่งให้เค้าไปแต่งละก็ อย่าได้สะเออะไปถามราคาเค้าเข้าเชียว เพราะเค้าถือคติว่า “ถ้าถามราคา ก็แสดงว่าคุณคงไม่มีปัญญาจ่าย” ปัจจุบันแพกเกจเครื่องยนต์ของบราบัสเริ่มต้นตั้งแต่บล้อคเล็กๆ ระดับสองร้อยม้าไปจนถึงระดับ 730 ม้าสำหรับรุ่นเอสคลาส และรุ่นดังที่สร้างชื่อก็คือ ซีแอลเอส ร้อคเก็ต (CLS Rocket) ที่ทำความเร็วระดับ 360 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมถึง ล่าสุดก็คือ ซีคลาส บุลลิต ( C-Class Bullit) ที่จับเอาเครื่อง 12 สูบใส่ไปในตัวถังซีคลาสได้อย่างน่าอัศจรรย์

แต่ถ้าเสี่ยน้อย เสี่ยใหญ่ไม่ชอบขับเร็วนักเพราะกลัวชาวบ้านมองไม่ทัน ก็อาจจะลองชุดแต่งค่ายปลาดิบอย่างสำนัก การ์ซัน (Garson D.A.D) รุ่นประดับแก้วสวารอฟสกี้ ระยิบระยับแบบในรูปดูก็ได้นะครับ รับรองว่าตาค้างแน่ๆ แต่ไปจอดที่ไหนก็ระวังนะครับจ้างยามไปเฝ้าสักคนก็ดี เศรษฐีซะอย่างทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: