วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

แมทช์ล้างตาของม้าลำพอง






ในวงการรถยนต์นั้นจะว่าไปก็มีคู่ชกตลอดกาลอยู่ด้วยกันหลายต่อหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น ซีรี่ย์ต่างๆของ บีเอ็มดับเบิ้ลยู กับคลาสต่างๆของเมอร์เซเดสเบนซ์ ที่ต่างก็ออกแบบมาประกบคู่กันเป๊ะๆ รุ่นต่อรุ่น และก็พลัดกันแพ้พลัดกันชนะเรื่อยมา และจะว่าไปในวงการรถสปอร์ตชั้นสูงนั้นเจ้าม้าลำพอง เฟอร์รารี่ ดูจะทำกำไรเป็นกอบเป็นกำจากรถสปอร์ตพันธ์ดุเครื่องวางกลางลำแบบแปดสูบอย่างรุ่น F355, F360 แบบไร้คู่แข่ง ที่จะมีมาใกล้ก็คือ กบมหาภัย พอร์ช 911 ซึ่งก็ยังไม่น่าจะนับว่าเป็นคู่กัดโดยตรงเพราะ รูปทรงและภาพลักษณ์ยังห่างกัน แต่หลังจากที่บริษัทเอาดี้ จากเยอรมัน เข้ามาซื้อบริษัทผลิตซุปเปอร์คาร์สัญชาติอิตาเลียน อย่าง แลมโบร์กีนี่ และผลที่ได้จากการสมรสข้ามชาติก็คือ สิ่งที่ทำให้เจ้าตลาดอย่างเฟอร์รารี่ต้องท้องเฟ้อเรอเปรี้ยวมาหลายปีก็คือ การมาถึงของเจ้ากระทิงหนุ่ม กัญญาโด (Lamborghini Gallardo) ด้วยความพร้อมทางด้านการเงินของพ่อชาวเยอรมัน ทำให้กัลญาโด พรั่งพร้อมทั้งด้านรูปลักษณ์ คุณภาพการประกอบ และสมรรถนะระดับสุดๆจากเครื่องยนต์วี 10 พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ นอกจากนั้นยังไม่พอ การสมรสครั้งนี้ยังได้ทายาทที่น่ารักน่าชังที่ทำให้เฟอร์รารี่ต้องนั่งกัดฟันกรอดๆ อีกคันก็คือ เอาดี้ อาร์8 (Audi R8) ที่ถูกอกถูกใจคนที่ชอบรถยนต์สมรรถนะสูง แต่ไม่อยากที่จะละทิ้งความสะดวกสบาย เรียกได้ว่า การสมรสครั้งนี้ทำเอาเฟอร์รารี่ชอกช้ำระกำใจ กระอักเป็นเลือดอยู่ทุกค่ำคืน

แต่ความชอกช้ำนั้นจะกลายเป็นอดีต เพราะเฟอร์รารี่สามารถแก้เกมส์ที่เกิดอาการ ยึกๆยักๆ จึ๊กๆจั๊กๆ” ในตลาดที่เรียกได้ว่า ตัวเลือกเด่นๆเต็มไปหมดได้อยู่หมัดแน่ๆ เพราะ ม้าลำพองหนุ่มนั้น “ครบเครื่อง” ใหม่ถอดด้ามในทุกมิติ ชื่อของมันคือ เฟอร์รารี่ 458 อิตาเลีย (Ferrari 458 Italia) ชื่อ 458 มาจากกระบวนการตั้งชื่อแบบคลาสสิคแบบดั่งเดิมของเฟอร์รารี่นั่นคือ 45 เท่ากับความจุเครื่อง 4.5 ลิตร และ 8 มาจากจำนวนกระบอกสูบ เครื่องยนต์ 8 สูบขนาด 4.5 ลิตรไม่มีเทอร์โบ หรือซุปเปอร์ชาจน์นี้สามารถเบ่งพลังออกมาได้อย่างน่าทึ่งถึง 570 แรงม้า! หรือเท่ากับ 127 แรงม้าต่อลิตร นับว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งประสานเข้ากับตัวถังลู่ลมแต่สร้างแรงกดสูง และน้ำหนักรถที่เบาเพียง 1.38 ตัน หรือหนึ่งแรงม้าแบกน้ำหนักแค่ 2.4 กิโลเท่านั้น ที่ทำอัตราเร่งได้ดุเดือดระดับ 0-100 กิโลเมตรใน 3.4 วินาที และความเร็วปลายระดับ 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การันตีได้ว่า “แซ่บอีหลี” แน่นอน

แนวคิดทางการออกแบบของ 458 นั้นฉีกแบบแผนธรรมเนียมเดิมๆของเฟอร์รารี่แบบแปดสูบเครื่องวางกลางที่ได้รับสืบทอดต่อเนื่องกันมากว่า 30 ปี นับตั้งแต่ 206 และ 264ดิโน (Dino) จนถึงรุ่น 430 ในปัจจุบัน ซึ่งถ้าดูภาพประกอบก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า พัฒนาการของรูปทรงนั้นเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยยึดถือเส้นสายคลาสสิคที่ได้รับการออกแบบจากบรมครูด้านการออกแบบรถยนต์ของอิตาลีอย่าง ปินินฟารีนา ที่ได้สร้างสรรค์รูปทรงอมตะอันเน้นความลื่นไหลและนุ่มนวลจากหัวจรดท้าย ให้กับเฟอร์รารี่แบบเครื่องวางกลาง 8 สูบที่เรารู้กันในชื่อของ 308, 328, 348, 355, 360, และ 430 ตลอดมา

แต่ทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนไปในรุ่น 458 อิตาเลีย เพราะเส้นสายที่ไหลต่อเนื่องแบบคลาสสิคและช่องดูดอากาศด้านข้างตัวถังเป็นอดีตไปเสียแล้ว 458 มาพร้อมกับเส้นสายที่แม้จะให้ความรู้สึกโค้งเว้าเซ็กซี่แต่จังหวะจะโคนนั้น ฉับพลัน และก้าวร้าวกว่ามาก ส่วนหนึ่งดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากการออกแบบของ เคน โอกูยามะ นักออกแบบชาวญี่ปุ่นผู้ซึ่งร่ำเรียนด้านการออกแบบมาจากสหรัฐอเมริกา และเคยเป็นหัวหน้าทีมออกแบบของปินินฟารินาในช่วงปลายยุค 90 ผู้ให้กำเนิดรูปแบบอันน่าตื่นตาตื่นใจของ เฟอร์รารี่ เอ็นโซ่ ไฮเปอร์คาร์ของเฟอร์รารี่ในยุคปัจจุบัน และได้ก่อกำเนิดเส้นสายที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการปฏิวัติที่ “กบฐ” ต่อคลาสสิควิถีแบบอิตาเลียนมิใช่น้อย แต่กับ 458 อิตาเลียนี้สำนักปินินฟารีนาได้ตีความกับคำว่า “กบฐ” เสียใหม่ และผลที่ได้ก็คือ ความขัดแย้งที่ลงตัวอย่างถึงกึ๋น และทำให้ 458 อิตาเลีย เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ไม่ว่ามองจากมุมไหนก็ล้วนแต่กระตุ้นอารมณ์ให้อะดรีนาลินกระฉูดได้ไม่ยาก เริ่มตั้งแต่ไฟหน้าซีนอนพร้อมไฟแอลอีดีแนวตั้งที่คมเฉียบและเกรี้ยวกราด เรียกได้ว่าหากพบมันบนกระจกมองหลังของรถคุณก็ควรจะหลีกทางให้เสียจะดีกว่า ปีกเล็กๆด้านกระจังหน้าเป็นเทคนิคการออกแบบที่แหวกแนวที่เฟอร์รารี่เรียกว่า แอโร่อีลาสติก กล่าวคือที่ความเร็วต่ำทำหน้าที่เป็นปีกจัดสรรกระแสลมเข้าสู่ระบบระบายความร้อนอย่างเต็มที่แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงตัวของปีกเองจะหยุ่นตัวและเปลี่ยนแปลงรูปร่างภายใต้กระแสลม เพื่อลดแรงต้านอากาศโดยไม่ต้องอาศัยกลไลใดๆ นับว่าเป็นแนวคิดทางวิศวกรรมที่สร้างสรรค์ไม่น้อย

เส้นสายด้านข้างนั้น แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของ เคน โอกูยามะอย่างชัดเจน ในเรื่องของการประสานเส้นสายที่ขัดแย้งเข้าด้วยกัน ส่วนช่องดูดอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์นั้นประสานเข้ากับส่วนฐานหลังคาอย่างกลมกลืน หมดยุคของช่องเปิดด้านข้างตัวถัง ในส่วนของด้านท้าย ไฟท้ายกลมใหญ่ดวงเดียวต่อข้างได้เข้ามาแทนที่ไฟกลมคู่อย่างลงตัว เช่นกันกับเฟอร์รารี่ร่วมสมัยอย่าง รุ่น 599 การวางตำแหน่งไฟท้ายให้คาบเกี่ยวอยู่มุมนอกสุดของตัวถังด้านบน ช่วยขยายให้บั้นท้ายของมันดูกว้างและอลังการ ในส่วนท่อไอเสียเองก็นับได้ว่าเป็นเซอร์ไพรซ์ เพราะนี่คือเฟอร์รารี่คันแรกที่ใช้ท่อไอเสีย 3 ปลายเป็นคันแรกนับตั้งแต่ รุ่น F40 จากปลายต้นยุค 90

ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นอันแสนจะหวือหวานั้นได้รับการพัฒนาโดยอาศัยข้อมูลจากนักแข่งระดับตำนาน มิคาเอล ชูมัคเกอร์ ทำให้เชื่อได้ว่าการวางตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ จะเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบและเหมาะกับการขับขี่ที่ความเร็วสูงเป็นอย่างยิ่ง

สรุปว่า สปอร์ต รุ่นแรกเข้าของเฟอร์รารี่ตอนนี้มีด้วยกัน 2 รุ่น ต่างสไตล์ คือเจ้าตัวจี้ด 458 อิตาเลีย และครุซเซอร์ เปิดประทุน เฟอร์รารี่ คาร์ลิฟอร์เนีย เรียกได้ว่าพร้อมทั้งคนที่ต้องการจะขับแบบชิลล์ๆแต่ หากอยากจะมันส์ก็ทำได้แจ๋วหรือ ขับแบบดุดันไม่ประนีประนอม เฟอร์รารี่มีให้หมด งานนี้แหละคดีพลิก! เพราะงานนี้เค้ากลับมาทวงบัลลังก์และถ้าปล่อยให้หลุดไปแล้ว อาจจะไม่ได้คืนมาแล้วนะขอรับ และเชื่อได้ว่เจ้าม้าลำพองตัวใหม่นี้จะเป็นที่หนึ่งในยุทธภพนี้ไปอีกพักใหญ่ทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น: