วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

จุดจบของ Muscle Car?



หากท่านเป็นหนึ่งในผู้ชื่นชอบรถสปอร์ต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากท่านเป็นผู้เลื่อมใสในพละกำลังแบบดิบเถื่อนของม้าตัวล่ำๆจากแดนคาวบอยแล้วนั้น ชื่อของ เจ้าม้าป่ามัสแตง (Ford Mustang) จากค่ายฟอร์ด ,จอมเกรี้ยวกราด เชฟโรเล็ท คามาโร (Chevrolet Camaro) จากค่ายจีเอ็ม หรือ นักสู้หมัดหนัก ดอดจ์ ชาเลนเจอร์ (Dodge Challenger) จากค่ายไครสเลอร์ เป็นชื่อที่แสนจะอมตะในฐานะรถสปอร์ตจากแดนคาวบอยที่ได้รับความนิยมจากคอคนรักรถทั่วโลก

การมาถึงของ ฟอร์ด มัสแตงในปี 1964 นั้นถือได้ว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับวงการรถยนต์สำหรับหนุ่มสาวในยุคเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) ด้วยราคาที่พอจะจับจองเป็นเจ้าของได้ไม่ยากด้วยราคาเพียง 2,368 ดอลล่าร์ในเวลานั้น (จักรยานยนต์ฮอนด้า 50 ซีซี ตอนนั้นราคา 245 ดอลล่าห์)พร้อมรูปลักษณ์หล่อเหลาในสไตล์เปิดประทุนที่มีกระจังหน้ายาวแต่ท้ายสั้น วิ่งฉิวปลิวลมด้วยเครื่องยนต์หกสูบเรียง 2.8 ลิตร ตัวถังเบาๆ(สำหรับรถอเมริกันทั่วไป) พร้อมด้วยเครื่องยนต์กลไกที่เรียบง่ายตรงไปตรงมาเชื่อถือได้ ส่วนผสมสุดเจ๋งนี้ส่งผลให้ยอดจองของมัสแตงรุ่นแรกสุดนั้นมโหราฬเป็นประวัติการณ์ด้วยจำนวนถึง กว่า 22,000 คัน ในวันแรก และยอดจำหน่ายในปีแรกนั้นพุ่งทะลุ 6 แสนคัน

ความคลั่งไคล้ที่อเมริกันชนหนุ่มสาวมีให้กับมัสแตงนั้นพลักดันให้ค่ายรถยนต์อื่นๆต้องปรับกระบวนยุทธกับกระแสคลั่งรถสปอร์ตราคาเยากันถ้วนหน้า และผลลัพท์ก็คือการถือกำเนิดขึ้นของ เจ้าเชฟวี คามาโร ผู้มีฉายาว่า ชอบเขมือบม้าป่าเป็นอาหารเย็น หรือวิหคเพลิง ปอนทีแอค ไฟย์เบิร์ด (Pontiac Firebird) จากค่ายจีเอ็ม และจอมดุดันกล้ามโตจากค่ายไครสเลอร์อย่าง ปลาจอมโหด พลีมัธ บาราคูดา (Plymouth Barracuda) และ จอมพลังกล้ามโต ดอดจ์ ชาเลนเจอร์ ที่มารั้งท้ายเพื่อนๆ

และรถเหล่านี้ในต้นยุค 70 ได้แข่งกันเพาะกล้ามกันยกใหญ่ ด้วยเครื่องยนต์ระดับโค้กพี่บิ้กยังอาย ด้วยระดับความจุ 7 ลิตร ที่ใครๆก็ต้องผวา แต่อายุของมันก็แสนจะสั้นเพราะในที่สุดกระแสของรถสปอร์ตเพื่อหนุ่มก็จบลงเพราะวิกฤตการณ์น้ำมันในยุค 70 ทำให้รถสปอร์ตกลายเป็นเพียงอดีตที่แสนหวาน พวกม้าตัวโตๆกินจุๆ ถูกโละทิ้งไม่มีคนเหลียวแล

แต่แล้วเมื่อเศรษฐกิจโลกกลับมาฟู่ฟ่าอีกครั้งในช่วงปี 2005-6 ฟอร์ดก็ได้รื้อฟื้นเสน่ห์ของรถสปอร์ตที่ใครๆที่เป็นเจ้าของได้อย่างมัสแตง ด้วยรูปลักษณ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากมนต์ขลังของรุ่นพี่ในอดีตแบบเต็มๆ ทำให้กระแสคลั่งมัสแตงกลับมาดังระเบิดอีกครั้ง และก็เป็นดังคาดเมื่อมัสแตงขายดีเทน้ำเทท่าได้สักพัก ค่ายจีเอ็ม และไครสเลอร์ก็ขอเดินตามความสำเร็จ (เหมือนเคย)ด้วยการนำเอาตำนานของ คามาโร กับ ชาเลนเจอร์ กลับมาเล่นใหม่ด้วยรูปลักษณ์ย้อนยุคสุดเท่ห์โดยตั้งเป้าจะออกตะลุยตลาดในปี 2009 นี้ แต่แล้วก็เหมือนกับการฉายหนังซ้ำ ที่ทั้งสองคันดูจะมาช้าเกินไปอีกเช่นเคย เพราะ คราวนี้อเมริกาเจอวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์เข้าเต็มรัก รถสปอร์ตกล้ามใหญ่อย่างคามาโร กับชาเลนเจอร์ เห็นทีอนาคตไม่สดใสเป็นแน่

2009 ปีกระทิงดุนี้ก็เลยเหมือนการปิดฉากตำนานสปอร์ตอเมริกันอีกครั้งอย่างน่าเสียดาย

ไม่มีความคิดเห็น: