วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

แสงสว่าง(ลิบๆ)ที่ปลายอุโมงค์



สวัสดีวันอาทิตย์กับเรื่องราวสาระยานยนต์ไปกับผม อ้วนซ่า แอบซิ่ง อีกครั้งนะขอรับ ทุกวันนี้แม้ว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะเป็นอย่างไรแต่ก็ดูเหมือนพี่น้องชาวไทยก็ “ชาชิน” กับน้ำมันราคาแพงกันถ้วนหน้า ราคาน้ำมันในบ้านเราที่แม้ว่าจะเทียบกับประเทศอื่นๆที่ไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันก็ไม่ได้สูงกว่าเรียกได้ว่า สูสีกับอเมริกา แถมหากอุตริไปเทียบกับแถวยุโรปที่แพงกว่าบ้านเราเป็นเท่าตัวด้วยแล้วก็ยังต้องบอกว่าราคาบ้านเราไม่แพง แต่หากมองกันตามจริงรายได้ของคนในบ้านเรา “ต่ำ” กว่ายุโรป หรืออเมริกาอย่างไม่รู้จะเทียบกันได้อย่างไรก็เลยเป็นที่น่าสงสัยว่าเราจะอยู่กันแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน

ดังนั้นการหาพลังงานทางเลือกก็ดูจะเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้นตราบใดที่เรายังคงต้องเดินทางไปไหนมาไหนไกลกว่าเท้าเดิน หรือปั่นจักรยาน ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์เจ้าไหนไวกว่าก็ดูเหมือนจะฉกชิงความได้เปรียบตรงนี้ไว้ได้ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี ไฮบริด ลูกผสมน้ำมันกับไฟฟ้า ซึ่งค่าย โตโยต้าเป็นผู้นำร่องในประเทศไทยในขณะนี้ หรือจะเป็นกลุ่มที่เน้นความประหยัดจากการใช้แก๊สซีเอ็นจี หรือที่รู้จักกันดีชื่อ เอ็นจีวี ซึ่งดูจะมีให้เลือกพอสมควรเริ่มตั้งแต่รถหรูอย่าง เมอร์เซเดส เบนซ์ อีคลาส เอ็นจีที, รถครอบครัวอย่าง เชฟโรเล็ท ออปตร้า, มิตซูบิชิ แลนเซอร์, โปรตอน เพอร์โซนา ซึ่งคาดว่าจะมีทยอยกันออกมาอีกรุ่นสองรุ่นในเร็ววัน, รถกระบะที่จริงจังก็เห็นอยู่เจ้าเดียวคือ ทาทา ซีนอน ส่วนค่ายที่ตกลงปลงใจไปกับน้ำมันแบบแก๊สโซฮอล์ E85 หลักๆก็เห็นเพียง วอลโว่ ซึ่งค่าตัวก็นับว่าแพงโข จะซื้อมาเพื่อประหยัดก็ดูพิลึกๆเหมือนเป็นเศรษฐีแต่กลัวค่าน้ำมันดูไม่สมเหตสมผล และท้ายสุดก็คือค่ายที่หันไปจับมือกับเทคโนโลยีเครื่องดีเซล อย่างบีเอ็มดับเบิ้ลยู และฟอร์ด ซึ่งก็ได้รับความสนใจในระดับที่น่าจับตามอง เพราะนอกจากจะประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าเครื่องยนต์เบนซินแล้วยังได้พลังกำลังเร่งแซงที่ถึงอกถึงใจพระเดชพระคุณ กว่ารถเบนซินเดิมๆอีกเยอะ

ในอนาคตอันใกล้ดูเหมือนเราอาจจะมีทางเลือกใหม่ๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีที่ไม่ง้อน้ำมัน อย่างนิสสัน ลีฟ (Nissan Leaf) ที่มาพร้อมกับระบบไฟฟ้าล้วนๆเต็มระบบ ซึ่งถ้าจะเป็นไปได้ในการทำตลาดก็คงต้องร่วมมือกับภาครัฐในการวางสาธารณูปโภคในเรื่องของสถานีจ่ายไฟฟ้า ซึ่งจะว่าไปก็ง่ายกว่าการทำปั้มแก๊สเอ็นจีวีอยู่โข แต่ก่อนจะนำรถไฟฟ้าอย่าง ลีฟเข้ามา นิสสันขอชิงเปิดตลาดรถแนวประหยัด อีโคคาร์ไปก่อนกับ รถรุ่นมาร์ช (Nissan March) ที่แหล่งข่าวยืนยันแล้วว่า ลุยแน่ๆ ส่วนรายสุดท้ายก็เห็นจะเป็นค่ายมิตซูบิชิก็ได้ฤกษ์พร้อมจะคลอด แลนเซอร์ใหม่กันเสียทีโดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 และ 2.0 ลิตร และคราวนี้มาพร้อมกับจุดเด่นที่สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ในเครื่องยนต์ขนาด 1.8 เรียกได้ว่า ตอบโจทย์คนรักประหยัดได้ลงตัว เพราะราคารถเองก็น่าจะได้เปรียบกว่าคู่แข่งเนื่องจากแต้มต่อด้านภาษีสรรพสามิต ซึ่งแม้ว่าน้ำมันเองจะมีสมรรถนะด้อยกว่าน้ำมันแก็ซโซฮอล์ อี10 หรืออี20 อยู่บ้าง แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการอะไรปรู้ดปร้าดก็ดูเป็นทางเลือกที่เหมาะเจาะ

แสงสว่างที่ปลายทางลิบๆ ดูเหมือนจะใกล้เข้ามาทุกที หลังจากที่ต้องคอยลุ้นว่า ไก่กับไข่อะไรมันจะต้องเกิดก่อนกัน ปล่อยให้เราๆท่านๆก็ต้องกล้ำกลืนไปกับเรื่องไก่ๆไข่ๆกันไปเสียนาน

ไม่มีความคิดเห็น: