วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

พริ้วไหวเหนือสายน้ำ


หากจะบรรยายถึงความรู้สึกที่ได้จากการได้สัมผัสรถมาสด้า เอ็มเอ็กซ์5 ใหม่ ผมคงต้องขอยืมสำนวนกำลังภายในมาใช้สักนิด เพราะรถคันนี้ให้ความรู้สึกทั้งการขับขี่ และด้านรูปลักษณ์ที่เรียกได้ว่า ลื่นไหล และลงตัว ราวกับเห็นภาพของจอมยุทธหนุ่มร่างระหง เหินร่อนแหวกอากาศร่ายรำไปพร้อมกับกระบี่คู่ใจอย่างคล่องแคล่วน่าหลงไหล มันเป็นภาพที่ไม่ว่าจะดูกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังคงไว้ซึ่งมนต์สเน่ห์แห่งการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของรถเปิดประทุนแบบโรดสเตอร์ นับตั้งแต่ชื่อรหัส เอ็มเอ็กซ์ 5 ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อเกือบ 2 ทศวรรษที่แล้ว

ความแตกต่างที่จากรุ่นที่ผ่านมาเห็นได้ชัดก็คงเป็นจะเป็นรูปทรงของกระหน้าและไฟหน้า ที่ในเวอร์ชั่นนี้ได้ปรับให้ดูเฉียบขาดขึ้นและ มีการเน้นขอบกระจังหน้าด้วยการใช้แถบโครมเมี่ยมทำให้ดูราวกับว่ารถนั้น “ยิ้ม” ให้ ดูแล้วชวนให้เรายิ้มตาม และ ยกเลิกหลังคาผ้าใบสีตัดกับตัวถังรถ (ซึ่งสวยและเตะตาดีในความรู้สึกของผู้เขียน)โดยแทนที่ด้วยหลังคาแข็งพับได้ตามสมัยนิยม จากประสบการณ์ที่เคยได้ลอง รถรุ่นใหม่นี้เก็บเสียงและกันความร้อนจากภายนอกได้ดีกว่ารุ่นหลังคาผ้าใบ “มาก” การเปลี่ยนแปลงของหลังคาผ้าใบไปเป็นหลังคาโลหะพับได้นี้ยังนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของรูปทรงอย่างชัดเจน ที่หายไปคือ สัดส่วนหน้ายาว ท้ายสั้นตามแบบโรดสเตอร์คลาสสิค เทียบกับแบบหลังคาเหล็กที่สั้นกว่า ทำให้เกิดภาพของรถหน้ายาว ท้ายยาว แต่ตัวสั้น หลังจากเพ่งพิศไปมาก็รู้สึกว่า สัดส่วนใหม่นั้นก็ดูดี เก๋ไปอีกแบบ สรุปว่าสวยกันคนละแบบ แต่ถ้าให้เลือกยังไงๆหลังคาโลหะก็ดีกว่าในด้านการใช้งานอย่างชัดเจน

เปิดประทุนที่เปิดปิดด้วยไฟฟ้าของรถคันนี้ใช้เวลาเพียง 12 วินาทีในขั้นตอนการเปิดปิดเท่านั้น เรียกได้ว่าทันใจ ซึ่งทางมาสด้าได้ออกแบบระบบป้องกันการผิดพลาดในการใช้งานไว้อย่างรัดกุมทีเดียว กล่าวคือต้องจอดสนิทและเข้าเกียร์ N หรือ เกียร์ P หลังคาจึงจะเปิดปิดได้ ป้องกันมิให้เกิดเหตุหลังคาโดนลมพัดหลุดออกไปหากอุตริเปิดหรือปิดขณะรถวิ่งได้ อีกทั้งการออกแบบช่องเก็บหลังคาไว้ต่างหากจากห้องสัมภาระทำให้ไม่ต้องกังวลว่าขณะบรรทุกสัมภาระเต็มท้ายแล้วจะเปิดหลังคาไม่ได้เหมือนรถเปิดประทุนบางคัน (ที่อาจเปลี่ยนส้มที่คุณพึ่งซื้อมาจากตลาดให้กลายเป็นน้ำส้มคั้นได้หากคุณเผลอเปิดหลังคาโดยไม่ได้ตั้งใจ) นอกจากนั้น การเปลี่ยนแปลงที่อาจเห็นได้ไม่ชัด แต่รู้สึกได้หากคุณเป็นผู้มีร่างใหญ่เช่นผู้เขียน เห็นจะเป็นการปรับปรุงส่วนรองรับบั้นท้ายใหม่ เพราะสามารถรู้สึกได้ว่าการเข้าออกรถรุ่นใหม่นี้สะดวกสบายและนั่งสบายกว่ารุ่นที่แล้วอย่างรู้สึกได้ชัด

ส่วนที่เห็นจะแปลกของรถคันนี้เห็นจะเป็น สวิทซ์เปิดฝาถังน้ำมันที่ซ่อนอยู่ในช่องเก็บของระหว่างเบาะ ที่หากไม่คุ้นกับรถรุ่นนี้มาก่อนอาจเกิดปัญหาในการเติมน้ำมันได้ เพราะทางบริษัทไม่ได้แนบคู่มือประจำรถมาด้วย และสวิทซ์เปิดฝากระโปรงท้ายที่ผมพยายามหาว่ามันซ่อนอยู่ที่ไหนถึง 2 วัน จนหมดความพยายามและต้องใช้ปุ่มเปิดจากกุญแจรีโมทแต่เพียงอย่างเดียว ส่วนเครื่องเสียงจาก โบส (Bose) นั้นแม้ให้เสียงเรียบๆไม่กรุ้งกริ้งโครมครามนัก แต่ก็ปรับเสียงให้เข้ากับสภาพการขับขี่ได้ต่อเนื่อง เสียงดังฟังชัดแม้เปิดประทุนขับ เรียกได้ว่าเข้ากับการขับขี่ทุกรูปแบบ

รายละเอียดอื่นๆยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ดั่งเดิมของมาสด้า เอ็มเอ็กซ์5 รุ่นดั่งเดิมที่เป็นตัวปลุกกระแสรถเปิดประทุนแบบโรดสเตอร์ให้กลับมาอีกครั้งในช่วงยุค 90 ไม่ว่าจะเป็น ช่องแอร์รูปทรงกลม หน้าปัดแบบ 5 จอพร้อมเกจ์วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง ไฟท้ายทรงนอนที่มีไฟถอยหลังทรงกลม รวมไปถึงมุมมองจากตำแหน่งคนขับที่เห็นฝากระโปรงยาวออกไปข้างหน้าให้ความรู้สึกสปอร์ต ผิดกับรถขับเคลื่อนล้อหน้าตามสมัยนิยมทั่วๆไป ทำให้การขับขี่รถคันนี้ได้ความรู้สึก “อมตะ” และ “พิเศษ” เสมอ เป็นรถสปอร์ตสมถรรนะดีที่คุณสนุกได้ทุกวัน ไม่หวั่นแม้วันฝนตกหรือแดดออก อีกทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องการบำรุงรักษาเหมือนอย่าง รถจากยุโรป อันเป็นประเด็นที่ทำให้คอรถโรดสเตอร์ทั่วโลกหลงไหลในเพลงกระบี่ของมันมากว่า 2 ทศวรรษนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น: