วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

เบนท์ลีย์ มุลซานเน; ศึกชิงเจ้ายุทธภพ



ปัจจุบันนี้หากกล่าวถึงชื่อของ เบนท์ลีย์ คงไม่มีใครปฏิเสธได้ถึงความอลังการที่มาพร้อมกับพละกำลังที่เรียกได้ว่า “เหลือเฟือ” แต่กว่าจะได้มายืนอยู่แถวหน้านั้นเส้นทางชีวิตของ เบนท์ลีย์นั้นเต็มไปด้วยขวากหนามกว่าที่หลายๆคนคิดไว้ จากที่เคยต้องอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ที่หวามอมขมกลืน ในฐานะ “เงา” ของโรลส์รอยซ์ อยู่นานเกือบ 7 ทศวรรษ แม้ต่อมาในช่วงท้ายๆของความสัมพันธ์กับโรลส์รอยซ์นั้นก็ได้ปรับวิทยฐานะให้สูงขึ้นอีกนิดมาเป็น “ทางเลือกสำหรับเศรษฐีเท้าตะกั่ว” ก่อนที่จะเริ่มความสัมพันธ์ในฐานะเพชรยอดมงกุฏของอาณาจักรโฟลค์สวาเกนในยุคต้นของสหัสวรรษ ที่ซึ่งเอกลักษณ์และบุคลิกภาพของเบนท์ลีย์ได้ถูกกอบกู้ จนพร้อมสำหรับการเข้าชิงตำแหน่ง “ฮ๋องเต้แห่งวงการรถยนต์” ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยสุดยอดยนตรกรรมหลากรุ่นอาทิ คอนติเนนตัล จีที (Continental GT) ที่เศรษฐี และเหล่าเซเลบคนดังในอเมริกันต้องมีกันคนละคันราวกับเป็นเครื่องหมายของการยอมรับทางสังคมแบบหนึ่งไปแล้ว

หลังจากที่ได้ออกไปฝึกปรือวิทยายุทธ์มาจนครบเครื่องแล้ว วันเวลาแห่งการเข้าชิงบัลลังก์กับ โรลส์รอยซ์ ของเบนท์ลีย์ก็มาถึงพร้อมกับการเปิดตัว รุ่นเรือธงคันใหม่ถอดด้ามของบริษัทภายใต้ชื่อ “เบนท์ลีย์ มุลซานเน่” (Bentley Mulsanne) อันได้มาจากชื่อของช่วงทางตรง“มุลซานเน่ สเตรท” (Mulsanne Straight) ที่รถแข่งสามารถทำความเร็วได้สูงสุดในสนามแข่งความเร็วอันแสนทรหด “เลอมังส์ 24 ชั่วโมง” (Le Mans 24 hours) ในประเทศฝรั่งเศส ที่ซึ่งเบนท์ลีย์ในอดีตยุคทศวรรษที่ 30 เคยสร้างปรากฏการณ์เอาชนะรถแข่งฝรั่งเศสอย่าง “บูกัตติ” (Bugatti) แบบ 4 ปีซ้อน ด้วยรถรุ่นซุปเปอร์ชาจน์ ที่ทั้งใหญ่ทั้งหนัก แต่ก็แรงและอึด ทำให้คนฝรั่งเศสตั้งชื่อแบบประชดประชันว่า “รถบรรทุกที่เร็วที่สุดในโลก” ชื่อของเบนท์ลีย์ในฐานะ รถคันโตที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่แรงด้วยระบบอัดอากาศ (ซุปเปอร์ชาจน์ หรือเทอร์โบ) กลายเป็นตำนานคู่กับสนามเลอมังส์ และวงการรถยนต์ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

มุลซานเน่ ใหม่นั้น หากจะเปรียบเทียบกับโรลส์รอยซ์ เรียกได้ว่าใช้ตำราการออกแบบคนละเล่มกันเลยทีเดียว ในขณะที่โรลส์รอยซ์ โดดเด่นด้วยรูปทรงหนาหนักกับสัดส่วนที่ใหญ่โตเกินจริงแต่กลับมีรายละเอียดทางการออกแบบที่ เฉียบล้ำยุค เกิดเป็นส่วนผสมที่ไม่เหมือนใครแฝงไว้ด้วยพฤติกรรม “ข่มขวัญ” และ “หยิ่งผยอง”อยู่ในที แต่กับเบนท์ลีย์ มุลซานเน่ นั้นเลือกที่จะเดินในเส้นทางสายคลาสสิค และถ่ายทอดเส้นสายของเบนทลีย์รุ่นดั่งเดิมออกมาอย่างสง่างาม ดูหนาหนักมั่นคง แต่เล่นเหลี่ยมมุมและแสงเงาอย่างชาญฉลาด จนทำให้รถยนต์คันนี้ดูแล้วมีรสนิยมแบบผู้ดีอังกฤษแท้ๆ ที่น่าเกรงขามแต่ไม่หยิ่งผยอง และด้วยข่าววงในที่ว่า มุลซานเน่นั้นจะใช้เครื่องยนต์แบบคลาสสิคแต่ก็ปรับแต่งให้ทันสมัยแบบ V8 ขนาด 6.75 ลิตรพร้อมระบบอัดอากาศด้วยเทอร์โบที่มาพร้อมแรงบิดมหาศาลอันเป็นเอกลักษณ์ ต่างกับเบนท์ลีย์ร่วมสมัยคันอื่นๆที่ใช้เครื่องยนต์ของโฟลค์สวาเกน ทำให้มันเต็มไปด้วยสเน่ห์ของเบนท์ลีย์ “แท้ๆ” อย่างเต็มที่

ปี 2010 คือ ปีที่รถยนต์ เบนท์ลีย์ มุลซานเน่ จะเข้าสู่สนามประลอง จับตาดูให้ดีเพราะทางโรลส์รอยซ์ เองก็ยังมีกระบี่สังหาร อย่างรุ่น 200อีเอ็กซ์ (200EX) หรือที่มีข่าวรั่วมาว่าอาจจะใช้ชื่ออมตะอย่าง โกสต์ (Ghost) หรือ ปีศาจ (หลายๆท่านคงประหลาดใจที่ โรลส์รอยซ์ ชอบใช้ชื่อวิปริตอย่าง ผี วิญญานหรือ ปีศาจ สาเหตุคือเรื่องของแรงบันดาจใจจากความเงียบเชียบราวกับลมหายใจของปีศาจ-ผู้เขียน) รออยู่เช่นกัน หากจะให้ฟันธงว่าผู้ใดจะปราชัย บอกได้คำเดียวว่า ตลาดรถยนต์หรูระดับ 5 ดาวนั้นเป็น “ศึกชิงเจ้ายุทธภพ” ที่จะไม่มีใครยอมใครแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น: