วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เมอร์เซเดส เบนซ์ F 800, วิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่ไม่ไกลเกินรอ







รู้สึกว่าระยะนี้ค่ายดาวสามแฉกจะมือขึ้น ไม่ว่าจะปล่อยรถอะไรออกมาสู่สาธารณชนดูจะโดนตาโดนใจไปเสียทั้งนั้น ผลงานล่าสุด คอนเซ็ปต์ เอฟ 800 (F-800) นี้ก็เช่นกัน รถต้นแบบคันล่าสุดคันนี้มาในรูปทรงของซีดาน 4 ประตูแบบฮาร์ทอปที่มีรูปทรงแบบรถคูเป้สองประตูที่มีฐานล้อยาวแต่โอเวอร์แฮงค์หน้าและหลังสั้นมาพร้อมกับขนาดตัวที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กด้วยความยาวรวม4.8 เมตร และยังนำเสนอไวยากรณ์การออกแบบที่เชื่อได้ว่าจะเป็นแนวทางใหม่ที่เมอร์เซเดส เบนซ์จะนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นต่อไปแน่นอน (ถึงตรงนี้ผู้เขียนอยากจะให้ท่านผู้อ่านลองเดาในใจดูว่าจะเหมือนกับที่ผู้เขียนคิดไว้หรือไม่แล้วจะมาเฉลยว่าที่คิดไว้นั้นตรงกันหรือไม่อย่างไรในช่วงท้ายนะครับ)
นอกจากรูปทรงแนวไบโอนิคที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติที่ทำให้ เอฟ 800 มีรูปทรงที่พริ้วไหวราวกับมีชีวิตจิตใจ(ดูจะเดินตามทางที่ บิเอ็มดับเบิ้ลยูเคยกรุยทางไว้แต่ก็ถอดใจในที่สุด) แตกต่างไปจากแนวทางของเมอร์เซเดสร่วมสมัยที่เน้นเส้นสายที่คมเป็นเหลี่ยมสันแล้ว เอฟ 800 ยังได้นำเสนอแนวทางของไฟหน้าแบบ แอลอีดี ที่สามารถบอกกับค่ายเอาดี้ได้ว่า มาทีหลังอาจจะดังกว่า นอกจากนี้ยังนำเสนอรูปแบบของเครื่องยนต์ที่พร้อมจะให้เลือกใช้งานได้จริงถึงสองแนวทางคือ แบบไฮบริดปลั้กอินที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี 6 แบบไดเร็คอินเจคชั่น ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียม-อิออน (ที่เมอร์เซเดส เคลมว่า เมื่อทำงานทั้งสองระบบพร้อมกันจะสามารถสร้างแรงม้าได้เกิน 400 แรงม้าทีเดียว)และยังสามารถชาจน์ไฟบ้านได้ด้วย กับอีกแนวทางหนึ่งคือ แบบเซลเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เรียกได้ว่าแผนแบบของรถ เอฟ 800 นี้รองรับทิศทางพลังงานในอนาคตไว้อย่างพร้อมพรั่งไม่ว่าโลกจะหมุนไปทางใด หรือพื้นที่ไหนนิยมระบบพลังงานใดรถ เอฟ 800 ก็สามารถปรับตัวเข้ากับแนวทางของพื้นที่นั้นได้อย่างลงตัว
ส่วนการออกแบบภายในนั้น มีการนำเอาเทคนิคการขึ้นรูปวีเนียร์ไม้แบบ 3 มิติ เข้ามาใช้โดยออกแบบให้โอบล้อมบริเวณผู้โดยสารตอนหน้าไว้จากประตูซ้ายจรดประตูขวา แม้จะให้ความรู้สึกที่หรูหราจากการใช้วีเนียร์ไม้ธรรมชาติแต่ก็ยังดูแล้วเร้าอารมณ์ด้วยการเล่นเส้นสายที่โอบล้อมแบบที่ไม่เคยเห็นจากเมอร์เซเดสรุ่นอื่นๆ นอกจากนั้นยังมีการนำเอาระบบยูสเซอร์อินเตอร์เฟสแบบสัมผัสที่เชื่อว่าจะทำให้การใช้งานง่ายขึ้น โดยใช้งานแทนที่ระบบจอยสติ้กแบบเดิม (นำเสนอโดย บีเอ็มดับเบิ้ลยูเป็นเจ้าแรก) โดยผู้โดยสารและผู้ขับขี่จะทำการลากนิ้วของตนเองผ่านไปบนทัชแพด (เหมือนกับบนเครื่องไอโฟน)แล้วภาพของ “นิ้ว”แบบกึ่งใสของท่านจะไปปรากฏขึ้นบนจอภาพที่ตั้งอยู่เหนือคอนโซลโดยที่ท่านไม่ต้องสัมผัสจอภาพแต่อย่างใด น่าสนใจทีเดียวสำหรับแนวคิดนี้แต่ผู้เขียนเชื่อว่าระบบแบบเดิมๆน่าจะดีและปลอดภัยดีอยู่แล้ว
อย่างที่กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่ารถคันนี้ดูจะได้พัฒนาให้เป็นรถที่มีการจำหน่ายจริงแน่ๆ เพราะทุกอย่างดูพร้อมพรั่งสำหรับการปรับให้เป็นรถจริงอยู่แล้ว และในมุมมองของผู้เขียนมั่นใจอย่างมากกว่าในไม่ช้าเราน่าจะได้เห็นรถต้นแบบ เอฟ 800 ได้รับการพัฒนาให้เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของ รถซีดานทรงคูเป้คันเก่งของเมอร์เซเดส เบนซ์ที่รู้จักกันในชื่อของ ซีแอลเอส (CLS) นั่นเอง เพราะรายละเอียกต่างๆทั้งหมดนั้นชี้นำไปทางนั้นอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ ท่านผู้อ่านล่ะครับเห็นเหมือนที่ผู้เขียนหรือไม่ครับ?

ไม่มีความคิดเห็น: