วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ราชินีแห่งสายลมและแสงแดด



สวัสดีวันอาทิตย์กันอีกครั้ง กับสมหนาวที่เอาแน่เอานอนไม่ค่อยจะได้ เพราะวันนี้ก็ดูไม่ค่อยจะรู้สึกว่าเป็นหน้าหนาวเท่าไร แต่หากเทียบกับเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้อากาศแถวๆ อำเภอวังน้อย ที่ผมไปเยี่ยมชมการแข่งขันรถยนต์ ที่สร้างโดยนิสิตนักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่จัดโดยสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย ณ.สนามทดสอบของบริดจสโตน วันนั้นลมเย็นได้ใจนั่งตากแดดทั้งวันไม่มีเหงื่อสักหยด หากไม่เหลือบไปเห็นหลังคาอุโบสถที่อยู่แถวนั้น ก็อาจหลงคิดไปว่ากำลังชมการแข่งอยู่ที่ญี่ปุ่นก็เป็นได้ ซึ่งในการแข่งนี้ทีมที่ชนะเลิศก็คือ ทีมชื่ออ่านยาก “ราพิดาเมนเต้” จากจุฬาฯ ที่แหวกด่านอรหันต์สุดเขี้ยวจากมหาวิทยาลัยอื่นๆไปได้อย่างฉิวเฉียด เรียกได้ว่า เด็กไทยยุคนี้ไม่ใช่เล่นๆกันทั้งนั้น และทีมที่ชนะก็จะได้ไปแข่งต่อในระดับนานาชาติที่ประเทศญี่ปุ่นในปีหน้าด้วย
แต่เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า กว่าผมจะไปถึงตัวสนามทดสอบแห่งใหม่ของ บริดจสโตนได้นั้นผมขับหลงเข้าไปในถนนลึกลับ ที่ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่สามารถระบุให้ใครทราบได้ว่าผมหลงไปถึงไหน รู้แต่ว่าถนนเส้นเล็กๆแถวๆสระบุรี อยุธยา ที่วิ่งตัดทุ่งนาในวันนั้น ผมเปิดหน้าต่างรับลมเย็นๆเข้ามาในรถอย่างแสนเพลิดเพลิน จนแทบจะลืมไปว่าผมต้องรีบไปชมการแข่ง ประสบการณ์ในวันนั้นทำให้ผมฝันกลางวันไปถึงการขับรถเปิดประทุนคันเล็กๆที่ขับสนุก อย่างมาสด้า เอ็มเอ็กซ์5 ในถนนเส้นเล็กๆที่คดเคี้ยวเหล่านั้น มันคงจะมีความสุขไม่ใช่น้อย
และเมื่อเอามาคุยกับบอสหนุ่มของเดลินิวส์ คุณต้น พิสิษฐ์ เหตระกูล ท่านก็ออกไอเดียถึงรถเปิดประทุนคันที่ชอบมาคันหนึ่ง ชื่อของมันคือ มิตซูโอกะ ฮิมิโกะ (Mitsuoka Himiko) ขึ้นชื่อว่า มิตซูโอกะ เชื่อขนมกินได้เลยว่าหน้าตาต้องย้อนยุคสไตล์อังกฤษ และก็เป็นไปตามคาด ฮิมิโกะ หรือหากจะแปลเป็นไทยก็คือ ราชินี นั้นมีรูปทรงละม้ายไปทางรถแบรนด์ มอร์แกน สปอร์ตสุดเก๋าทำมือจากประเทศอังกฤษ (ที่ว่าเก๋า เพราะมอร์แกนรุ่นดั่งเดิมโครงรถทำจากไม้นะขอรับ) ซึ่งหากไม่มีจิตลำเอียงก็ต้องยอมรับว่า ราชินี ของมิตซูโอกะคันนี้ดู “โรแมนซ์”ได้ใจไม่ใช่เล่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมองให้ลึกๆเข้าก็พบว่า ฮิมิโกะนั้นมีจุดร่วมกับรถสปอร์ตจิ๋วในดวงใจของผมอยู่เหมือนกัน เพราะมันคือรถที่ดัดแปลงขึ้นมาจาก มาสด้า เอ็มเอ็กซ์ 5 ซูม-ซูม ตัวเก่งนั่นเอง พูดแค่นี้ก็น่าจะพอจินตนาการได้ว่า ฮิมิโกะ ก็คือราชินีแห่งสายลมแสงแดดตัวน้อยๆ ที่น่าจะขับสนุกเอาการแถมยังดูกิ๊บเก๋ในสไตล์อังกฤษย้อนยุคถูกใจหนุ่มสาวที่ไม่ต้องการจะเหมือนใคร (ซึ่งหากตาไวก็ยังสามารถพบความเป็นอังกฤษที่แฝงอยู่ในรายละเอียดได้อีก ลองมองดูดีๆนะครับ ผมจะเฉลยว่ามันคืออะไรในตอนท้าย)
แบบอย่างของวิธีการสร้างสรรค์ของ มิตซูโอกะ ในการสร้างสินค้าที่มีเอกลักษณ์ ด้วยการอาศัยการออกแบบ โดยไม่ต้องลงทุนมากมายมหาศาลในการคิดค้นด้านวิศวกรรมนั้นนับว่าเป็นแนวโน้มของอุตสาหกรรมเล็กๆในประเทศที่ไม่ได้มีทุนทรัพย์มากมายในอนาคตเช่นกัน เพราะเมื่อถึงวันที่โลกนี้คราคร่ำไปด้วยของโหลราคาประหยัด ความเป็นเอกลักษณ์และเป็นตัวของตัวเองจะเป็นสิ่งที่หลายๆคน อยากจะไขว่คว้ามาครอบครอง และก็เป็นสิ่งที่ประเทศที่มีทุนทรัพย์จำกัดอย่างย้านเราน่าจะทำได้ดี
เริ่มต้นสบายๆแต่ลงท้ายแบบหนักๆไปได้อย่างไร อ้วนซ่า ก็งงเหมือนกัน ว่าแต่ว่าท่านผู้อ่านพบความเป็นอังกฤษในตัวของฮิมิโกะแล้วหรือยังครับ? (เฉลยครับ ดูที่ไฟหน้าสิครับ คุ้นไหมครับ ฮิมิโกะใช่ไฟของ มินิ คูเปอร์ จากอังกฤษครับ)

ไม่มีความคิดเห็น: