วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รู้แล้วว่าทำไมคนเรามันอยากจะรวยกันนัก




หากจะวิจารณ์ถึงการออกแบบของเอส-คลาสใหม่คันนี้ คงต้องแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆคือสิ่งที่ปรับใหม่ และความโดดเด่นที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้สัมผัสและสงวนไว้สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ครอบครองเท่านั้น (นับเป็นโชคของผู้ทดสอบเป็นอย่างยิ่ง!)
สิ่งที่ใส่เข้ามาใหม่ของรถรุ่นเอส-คลาสคันนี้นอกจากเครื่องยนต์รุ่นใหม่แล้วสิ่งที่มองเห็นได้ด้วย “ตา” จากภายนอกก็คือโคมไฟคู่หน้าโฉมใหม่ที่ดู “ปิ้ง” กว่าเดิม เป็นไฟแบบไบซีนอนที่สามารถปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย พร้อมเพิ่มหลอดไฟตัดหมอกแบบ LED ที่ด้านล่างที่ให้แสงจัดจ้ากว่าเดิมถึง 10 เท่า และมาพร้อมกับไฟท้ายทรงใหม่ (บอกลาไฟท้ายแบบคาดสีเดียวกับตัวรถไปเลย) ที่ใช้ LED ถึง 52 ดวงที่ส่องสว่างไกล ให้รถที่ตามมาเห็นสัญญาณไฟได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในยามค่ำคืน นอกจากนั้นกันชนหน้าและท้ายก็ได้รับการออกแบบใหม่หมด โดยเฉพาะด้านท้ายนั้นกันชนออกแบบให้มีเส้นสายรับกับซุ้มล้อได้กลมกลืนและเฉียบขาดกว่ารุ่นเดิมและโชว์ท่อไอเสียที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่สอดประสานกับกันชนได้ลงตัวมากๆ เรียกได้ว่ารุ่นที่ผ่านมาแม้จะแจ่มแจ๋วอยู่ก็หมองลงไปถนัดตาเมื่อเทียบกันรุ่นใหม่นี้
แต่จุดที่แจ่มแจ๋วจริงและเป็นสิ่งที่สงวนไว้สำหรับคนพิเศษก็คือ ภายใน! ทุกรายละเอียดของ เอส-คลาสนั้นเรียกได้ว่า สุดยอดอย่างแท้จริงทั้งด้านการใส่ใจในรายละเอียดและด้านนวัตกรรม เริ่มต้นตั้งแต่รายละเอียดของปุ่มต่างๆในรถนั้นออกแบบให้เป็นเอกเทศและแตกต่างจากรถรุ่นรองลงไปอย่างชัดเจนโดยผิวสัมผัสที่ได้นั้นหรูเสียยิ่งหว่าหรู!ด้วยผิวสีพลาตินั่มแบบซาตินที่นุ่มนวลมีระดับกว่ารถหรูรุ่นใดๆในตลาดปัจจุบัน และทุกอย่างจะยิ่งอลังการและหรูหราไปอีกขั้นเมื่ออาทิตย์อัสดง เพราะการให้แสงสว่างภายในห้องโดยสารของเอส-คลาสนั้นงดงามราวกับโรงอุปรากรโอเปร่า ด้วยการปล่อยให้แสงลอดออกมาจากแผงไม้หน้าปัดอย่างงดงามดูแล้วให้ความรู้สึกหรูหราเหนือระดับอย่างไม่ต้องสงสัยใดๆแต่สิ่งที่ทำให้ฮือหาจริงๆก็คือ นวัตกรรมระบบความปลอดภัยของเมอร์เซเดส เบนซ์ที่ใส่มาในรถคันนี้เริ่มต้นด้วย กล้องอินฟาเรดเพื่อช่วยในการขับขี่ที่ช่วยให้ท่าน “เห็น” ในสิ่งที่อาจจะมองไม่เห็น! โดยระบบนี้ใช้จอภาพเดียวกับส่วนที่เป็นหน้าปัดความเร็วรถนั่นเอง โดยทำงานจากกล้องที่ติดไว้เหนือกระจกบังลมหน้า โดยมีมุมมองไกลกว่าที่แสงไฟหน้ารถจะส่องไปถึงและยังรายงานให้เราได้ทราบว่าด้านหน้าของรถเรานั้นสภาพจราจรเป็นอย่างไร เป็นสี่แยกหรือทางตัน ระบบก็สามารถบอกและเตือนให้เราทราบได้ทันที ระบบนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งหากสภาพอากาศไม่เป็นใจเช่น ฝนตกหนักหรือหมอกลง อีกนวัตกรรมที่โดดเด่นก็คือระบบ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ทางไกล ขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็ว 80-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเซ็นเซอร์ภายในรถจะทำหน้าที่ตรวจสอบและวิเคราะห์ลักษณะการขับขี่ต่างๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณเสียงและภาพเตือนทันทีเมื่อผู้ขับขี่ดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมรถได้ ไฮเทคจริงๆ!
นอกจากนี้รถยนต์รุ่นเอส-คลาสยังมอบความรื่นรมย์ในการเดินทางทั้งใกล้ไกลด้วยเบาะนั่งแบบนวดได้ และปรับได้ทุกทิศทางทั้ง 4 ที่นั่งที่ใครได้สัมผัสต้องเคลิ้ม! นอกจากนั้นระบบความบันเทิงในห้องโดยสารก็นับว่าเป็นที่สุดของระบบความบันเทิงก็ว่าได้เพราะพร้อมพรั่งไปหมดไม่ว่าจะเป็นระบบใดๆที่คุณนึกได้ เอส-คลาสให้มาพร้อมทุกรูปแบบ จนพื้นที่ไม่พอจะสาธยายความเจ๋ง ของรถคันนี้ได้หมดเพราะสุดไปทุกด้านอย่างแท้จริง!!!!

ออกแบบ 5 ดาว
เครื่องยนต์ 5 ดาว
ช่วงล่าง 5 ดาว
ห้องโดยสาร ดาวล้านดวง
ความสะดวกสบาย ดาวทั้งกาแล็กซี่

ไม่มีความคิดเห็น: