วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

BMW Z4 The sexiest Roadster ever?






BMW Z4 ชื่อเดิมแต่ไม่ได้ ไมเนอร์เชนจ์

นับตั้งแต่มาสด้า เอ็มเอ็กซ์ 5 (Mazda MX-5) ปลุกกระแสความนิยมของโรดสเตอร์เปิดประทุนให้กลับมานิยมกันอีกครั้งในปี 1989 หลังจากที่โลกรถยนต์ขาดรถยนต์ประเภทนี้มานานนับ 2 ทศวรรษ ด้วยกลิ่นอายของโรดสเตอร์อังกฤษที่เรียบง่ายแต่มีสเน่ห์อย่าง เอ็มจี บี (MG-B) แต่ผสานเข้ากับความทนทานแบบญี่ปุ่น ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดตลอดกาล และทำให้ยี่ห้ออื่นๆเดินตามรอยคที่มาสด้ากรุยทางเอาไว้ และบีเอ็มดับเบิ้ลยูเองก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่เดินตามรอยโมเดิร์นคลาสสิคโรดสเตอร์ของมาสด้าด้วยเช่นกัน ด้วยการนำเสนอรถยนต์โรดสเตอร์รุ่น แซด 3 ( BMW Z 3) ในปี 1996 โดยอาศัยสไตล์ของรถโรดสเตอร์แบบอังกฤษด้วยเช่นกันนั่นก็คือ ออสติน ฮีลี่ย์ (Austin Healey) ที่โดดเด่นด้วยกระจังหน้ายาว ท้ายสั้น แนวประตูที่ต่ำ และใหญ่กว่า ดุดันกว่า โรดสเตอร์น้ำหนักเบาอย่าง เอ็มจี โดยบุคลิกของรถแซด 3 ก็คือ เครื่องยนต์แรง ขับสบาย เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติภายนอก แต่ไม่ต้องขับขี่พริ้วมากมายนัก เรียกได้ว่า จุดขายต่างจาก มาสด้า เอ็มเอ็กซ์ 5 แบบคนละเรื่อง
เมื่อถึงเวลาจะต้องปรับโฉม บีเอ็มดับเบิ้ลยู ภายใต้การนำของ มหากูรู คริส แบงเกิล ได้นำเสนอโมเดิร์นโรดสเตอร์พันธ์แท้แบบใหม่ในปี 2002 ด้วยรถยนต์รุ่น แซด 4 ( BMW Z 4) (รหัสเรียกขานคือ E 85) ที่เรียกเสียงฮือฮาด้วยเส้นสายพริ้วลื่นไหลที่เรียกกันว่า เฟลม เซอร์เฟสซิ่ง (Flame Surfacing) หรือเปลวผิวอันพริ้วไหว อันได้แรงบันดาลใจจากรูปสลักหินอ่อนกรีกโบราณที่โดดเด่นด้วยภาพของพื้นผ้าที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อที่ดูราวกับก้อนหินนั้นมีชีวิต และรูปทรงหน้ายาว ท้ายสั้น แบบคลาสสิค บีเอ็มดับเบิ้ลยู แซด 4 ถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของ คริส แบงเกิล คันหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปบีเอ็มดับเบิ้ลยูก็ได้เรียนรู้จุดด้อยต่างๆของ แซด 4 รุ่น เมื่อเทียบกับคู่แข่งในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นหลังคาเปิดได้แบบผ้าใบที่ยังดูสัดส่วนไม่ลงตัวนักเวลาปิดหลังคาซึ่งรถจะสวยกว่ามากตอนเปิดประทุน และคู่แข่งยังหันไปคบกับหลังคาโลหะที่เงียบกว่าและแข็งแรงกว่ากันไปหมดแล้ว ทำให้ต้องมีการปรับยุทธศาสตร์กันใหม่และผลที่ได้ก็คือ “รถยนต์ชื่อเดิม” แต่เปลี่ยนใหม่แบบถอดด้าม อันมีรหัสเรียกขานว่า อี 89 ผลงานชิ้นโบว์แดงของผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบคนใหม่ของบีเอ็มดับเบิ้ลยู มร. เอเดรียน ฟอน ฮุยดอง (Adrian Von Hooydonk) อดีตมือขวาของ คริส แบงเกิล ( Chris Bangle) นั่นเอง
ในแซด 4 รุ่น อี 89 นั้นจุดด้อยต่างๆของรุ่นที่แล้วถูกลบไปสิ้นด้วยหลังคาพับได้แบบโลหะที่สะดวกสบาย และสวยงามลงตัวทั้งตอนเปิดและปิดประทุนกว่ารุ่นที่แล้วมาก ส่วนรูปโฉมใหม่นั้นก็นับได้ว่า เฉียบขาดสุดๆ โดยสัดส่วนยังคงแบบหน้ายาว(เฟื้อยยยย) ท้ายสั้นไว้เช่นเดิม แม้ฐานล้อจะยาวเท่าเดิม แต่ความยาวและความกว้างนั้นมากขึ้น แต่เตี้ยลง ทำให้รูปทรงของรุ่น อี 89 นั้นดุดันแต่เซ็กซี่กว่ารุ่นเดิมอย่างเทียบไม่ติดในทุกรายละเอียด! ส่วนห้องโดยสารนั้นก็เรียบง่ายแต่เฉียบขาดด้วยเส้นสายคมกริบ ดูหรูหราและทันสมัย ด้วยทุกข้อที่ว่ามาทำให้แซด 4 เป็นหนึ่งในรถโรดสเตอร์ที่ดูดีที่สุดในปัจจุบันคันหนึ่งและเหนือกว่าคู่แข่งเพือนร่วมชาติทั้งเบนซ์และพอร์ชอย่างไม่ต้องลุ้น และขึ้นหิ้งเป็นหนึ่งในรถยนต์คลาสสิคที่สุดตลอดกาลอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไม่มีความคิดเห็น: