วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ใครที่ว่าแน่ ดีเซลซิแน่กว่า



ยุคปัจจุบันนี้เป็นยุคของการหาทิศทางใหม่ๆของระบบเครื่องยนต์ของรถยนต์ ที่มาแรงมีด้วยกัน 2 แนวทาง ทางหนึ่งก็คือระบบไฮบริดไฟฟ้า ที่ทางค่ายญี่ปุ่นและอเมริกัน นิยมกันมาก และอีกทางหนึ่งก็คือ ค่ายดีเซลคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น ที่นิยมกันอย่างมากในยุโรป (สมถรรนะของเครื่องดีเซลยุโรปนี้ต่างจากดีเซลที่เราใช้กันในกระบะอยู่มากพอสมควรนะครับ) ส่วนพลังงานอื่นๆอาทิ ไฟฟ้าล้วน นั้นกำลังจะมาเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่เชื่อว่าจะแรงเหมือนกัน

เมอร์เซเดส เบนซ์ ซี220 ซีดีไอ รุ่นประกอบในประเทศคันที่เราทดสอบวันนี้ก็เป็นหนึ่งในกระแสของรถยนต์ดีเซลสมถรรนะสูงจากเยอรมนี ที่ถึงพร้อมไปด้วยสมถรรนะในการขับขี่ในทุกๆด้าน ส่วนด้านของการออกแบบนั้นก็นับได้ว่าเป็นส่วนผสมที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของเบนซ์แบบคลาสสิค ผสานเข้ากับทิศทางการออกแบบใหม่ๆที่ล้ำหน้า

เริ่มต้นที่กระจังหน้า รถรุ่นนี้ยังคงไว้ซึ่งกระจังหน้าแบบดั้งเดิม ซึ่งปัจจุบันหลายๆท่านนิยมเลือกกระจังหน้าแบบสปอร์ตแบบในรุ่นอวังการ์ด (Avant Garde) แต่ผมเองกลับคิดว่า กระจังหน้าแบบดั้งเดิมที่ดูอนุรักษ์นิยมนิดๆแฝงไว้ด้วยสไตล์แบบผู้ดีนั้นกลับดูหรูหราและภูมิฐานไม่แพ้ใครเช่นกัน ในส่วนของรูปร่างของ ซี-คลาส เจนเนอเรชั่นที่ 3 นี้ดูลงตัว ทะมัดทะแมง และจับเหลี่ยมมุมได้สวยงาม เป็นหนึ่งในรถเก๋งเอ็กเซ็คคิวทีพขนาดเล็กที่ดูดีที่สุดในคลาสคันหนึ่ง แต่ล้ออัลลอยด์ที่ให้มาดูจะเล็กไปสักนิด แต่ก็ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ได้อย่างรื่นรมย์

ทัศนวิศัยการขับขี่จากมุมมองของผู้ขับนั้นสมบูรณ์แบบ ผู้ขับสามารถขับได้อย่างปรอดโปร่ง และไม่มีจุดบอดใดต้องกังวลไม่เสียชื่อที่เบนซ์ได้ทุ่มเทพัฒนารถยนต์ของตนให้เป็นผู้นำด้านความปลอดภัยเสมอมา การออกแบบภายในนั้นดูขึงขังจริงจัง และประกอบขึ้นจากวัสดุชั้นดีที่ดูแข็งแรงหนักแน่น ทริมไม้สีดำมันแบบเปียนโน ดูหรูและไม่ “เสี่ย” น่าจะถูกใจคนรุ่นใหม่ เบาะที่นั่งนั้นแม้จะไม่โอบกระชับแบบรถสปอร์ต แต่ให้การรองรับที่สบายมากๆ การเดินทางไกลๆไม่ปรากฏความเมื่อยล้าให้รำคาญใจ ตำแหน่ง รวมถึงการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ เป็นไปได้อย่างสะดวกสบายตามหลัก การยศาสตร์ (Ergonomics) แม้หลายๆอุปกรณ์ต้องการความเคยชินสักนิด อาทิ การใช้งานระบบมัลติมีเดียและระบบโทรศัพท์บลูทูธ ที่สับสนบ้างเล็กน้อย แต่หากเคยชินแล้วก็ใช้งานได้สบาย

อุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มากับ ซี220 ซีดีไอ ราคาเกือบๆ3ล้าน นั้นน่าแปลกใจที่ เบนซ์เลือกที่จะตัดสิ่งที่เป็นมาตรฐานขั้นพื้นฐานสำหรับรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมออกไป อาทิ เซนเซอร์ถอยหลัง และกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ที่ใช้กันจนเคยชิน จนทำให้สงสัยว่า ระบบการบริหารต้นทุนของ เบนซ์มีปัญหาหรืออย่างไร ทำไมอุปกรณ์ราคาไม่แพงแบบนี้ถึงต้องเป็นเหยื่อในการโดนตัดออกไปด้วย ส่วนเอกลักษณ์ที่น่าอึดอัดของเบนซ์บางอย่างก็ยังคงตามาหลอกหลอนรถรุ่นนี้อยู่ อาทิ คันเกียร์อัตโนมัติที่มีช่วงการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จาก เกียร์ว่าง มาเป็นเกียร์เดินหน้าที่ ยาวและหนักเหมือนเกียร์รถแทรกเตอร์ แถมยังเวลาเปลี่ยนกลับไปจากตำแหน่งเดินหน้า ไปว่างก็ยังเขย่ารถ พร้อมกับส่งเสียง “กึ้ง!” ได้อย่างน่ารำคาญทุกครั้งไป

แฟนประจำของเมอร์เซเดส เบนซ์ คงจะให้อภัยได้ เพราะกับสิ่งอื่นๆที่แลกกลับมาไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัย สมถรรนะ นั้นโดดเด่น และที่สำคัญก็คือ อิมเมจ ที่ไม่เป็นสองรองใครของรถตราดาวสามแฉกนั่นเองครับ

ไม่มีความคิดเห็น: